วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

1. ชื่อเรื่อง (The Title)

            http://blog.eduzones.com/jipatar/85921    ได้กล่าวไว้ว่า   ชื่อเรื่องควรมีความหมายสั้น
กะทัดรัดและชัดเจน   เพื่อระบุถึงเรื่องที่จะทำการศึกษาวิจัยว่า  ทำอะไร  กับใคร  ที่ไหน  อย่างไร
เมื่อใด  หรือต้องการผลอะไร   ยกตัวอย่างเช่น  “ประสิทธิผลของการใช้วัคซีนป้องกันโรคหัด
เยอรมันกับทหารในศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ 2547”  ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ชื่อที่ยาวมากๆ อาจแบ่งชื่อเรื่องออกเป็น 2 ตอน  โดยให้ชื่อในตอนแรกมีน้ำหนักความสำคัญมากกว่า
และตอนที่สองเป็นเพียงส่วนประกอบ  หรือส่วนขยาย   เช่น
“โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการใช้ถุงยางอนามัย   เพื่อป้องกันโรคของนักเรียนชาย : การเปรียบเทียบระหว่างนักเรียนอาชีวศึกษากับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในกรุงเทพมหานคร 2547”
            นอกจากนี้  ควรคำนึงด้วยว่าชื่อเรื่องกับเนื้อหาของเรื่องที่ต้องการศึกษาควรมีความสอดคล้องกันการเลือกเรื่องในการทำวิจัยเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ต้องพิจารณารายละเอียดต่างๆ หลายประเด็น โดยเฉพาะประโยชน์ที่จะได้รับจากผลของการวิจัยในการเลือกหัวเรื่องของการวิจัย
มีข้อควรพิจารณา 4 หัวข้อ   คือ
          1. ความสนใจของผู้วิจัย
              ควรเลือกเรื่องที่ตนเองสนใจมากที่สุด   และควรเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป
          2. ความสำคัญของเรื่องที่จะทำวิจัย
              ควรเลือกเรื่องที่มีความสำคัญ และนำไปใช้ปฏิบัติหรือสร้างแนวความคิดใหม่ๆ ได้
โดยเฉพาะเกี่ยวกับงานด้านเวชศาสตร์ครอบครัวหรือเชื่อมโยงกับระบบสุขภาพ
          3. เป็นเรื่องที่สามารถทำวิจัยได้
              เรื่องที่เลือกต้องอยู่ในวิสัยที่จะทำวิจัยได้   โดยไม่มีผลกระทบอันเนื่องจากปัญหาต่างๆ
เช่น  ด้านจริยธรรม   ด้านงบประมาณ   ด้านตัวแปรและการเก็บข้อมูล    ด้านระยะเวลาและการบริหา
ด้านการเมือง หรือเกินความสามารถของผู้วิจัย
         4. ไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยที่ทำมาแล้ว
              ซึ่งอาจมีความซ้ำซ้อนในประเด็นต่างๆ ที่ต้องพิจารณาเพื่อหลีกเลี่ยง  ได้แก่  ชื่อเรื่องและปัญหาของการวิจัย (พบมากที่สุด)   สถานที่ที่ทำการวิจัย   ระยะเวลาที่ทำการวิจัย   วิธีการ
หรือระเบียบวิธีของการวิจัย

              http://www.blog.prachyanun.com/view.php?article_id=965   ได้กล่าวไว้ว่า   สำหรับวิธีในการใช้กำหนดตั้งชื่องานวิจัยแบบง่ายๆ ที่ใช้เป็นแนวทางในการที่นำเสนอชื่อเรื่องงานวิจัย   ดังนี้
         1. พยายามกำหนดชื่องานวิจัยให้ง่าย  สั้น  กระชับ  และชัดเจน
         2. ควรกำหนดขอบเขตของประชากรให้อยู่ในชื่อเรื่อง
         3. ชือเรื่องต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงานวิจัย
         4. พยายามให้ชื่องานวิจัย    ควรมีคำศัพท์(Wording)   ที่เป็นคำทางวิชาการที่สามารถ
สืบค้นได้ง่าย    หากมี Key Search (TAGS)   จะทำให้งานวิจัยง่ายต่อการสืบค้นของคนอื่นๆ
            สำหรับใช้เทคนิคง่ายๆ ที่ผมมักจะแนะนำให้นักศึกษาใช้   คือ   ให้นักศึกษาลองตั้งคำถาม ประเภท  ใคร(Who)  อะไร(What)   ที่ไหน(Where)   เมื่อไหร่(When)   และอย่างไร (How)
ให้มาลองเรียงร้อยต่อสานต่อกัน  และพยายามอ่านดูและลองให้คนหลายๆ คนอ่านว่าเข้าใจอย่างไร
            ที่สำคัญ   ชื่อของงานวิจัยมีความสำคัญอย่างมาก   เพราะถือเสมือนด่านแรกที่เราต้องการแนะนำผลงานให้คนทั่วไปจะรู้จักกับผลงานของเรา    ถ้าสามารถร้องเรียงภาชื่อได้ชัดเจนสวยงาม  
ย่อมเป็นการเชิญชวนให้คนทั่วไปสนใจในงานวิจัยเรามากขึ้น   เพราะบางครั้งเป็นที่น่าเสียดายที่พบว่างานวิจัยดีๆ หลายๆ งาน   ที่ไม่มีใครได้รับทราบ   เพราะชื่อไม่ได้สื่อในเนื้องาน ดังนั้นผู้วิจัยจึงควรให้ความสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ

              http://www.watpon.com/Elearning/res19.htm   ได้กล่าวไว้ว่า  ชื่อเรื่องวิจัยนับเป็นจุดแรกที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน และทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในปัญหารวมทั้งวิธีการดำเนินการวิจัยของผู้วิจัยอีกด้วย ดังนั้นการตั้งชื่อเรื่องวิจัยจึงต้องเขียนให้ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่เขียนอย่างคลุมเครือ ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงต้องระมัดระวังในการตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้เหมาะสม ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
           1. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้สั้น   โดยใช้คำที่เฉพาะเจาะจง   หรือสื่อความหมายเฉพาะเรื่อง   และควรเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย   กะทัดรัด   แต่ชื่อเรื่องก็ไม่ควรจะสั้นเกินไปจนทำให้ขาดความหมายทางวิชาการ
           2. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้ตรงกับประเด็นของปัญหา    เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วจะได้ทราบว่าเป็นการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาอะไรได้ทันที   อย่างตั้งชื่อเรื่องวิจัยที่ทำให้ผู้อ่านตีความได้หลายทิศทาง   และอย่าพยายามทำให้ผู้อ่านเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเกินความเป็นจริง
           3. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยโดยการใช้คำที่บ่งบอกให้ทราบถึงประเภทของการวิจัย   ซึ่งจะทำให้ชื่อเรื่องชัดเจน   และเข้าใจง่ายขึ้น   เช่น
                   3.1 การวิจัยเชิงสำรวจ   มักใช้คำว่า  การสำรวจ   หรือการศึกษาในชื่อเรื่องวิจัย
                         หรืออาจระบุตัวแปรเลยก็ได้  เช่น  การศึกษาการใช้สารเคมีของชาวอีสาน
                         หรือการสำรวจการใช้สารเคมีของชาวอีสาน   หรือการใช้สารเคมีของชาวอีสาน  
                         เป็นต้น
                   3.2 การวิจัยเชิงศึกษาเปรียบเทียบ   การตั้งชื่อเรื่องวิจัยในลักษณะนี้    มักจะใช้คำว่า
                         การศึกษาเปรียบเทียบ   หรือการเปรียบเทียบ  นำหน้า  เช่น  การศึกษาเปรียบเทียบ
                         ความ สามารถในการอ่านของนักเรียนในเขตและนอกเขตเทศบาลของจังหวัด
                         มหาสารคาม
                   3.3 การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์   การวิจัยประเภทนี้จะใช้คำว่า   การศึกษาความสัมพันธ์
                         หรือความสัมพันธ์นำหน้าชื่อเรื่องวิจัย  เช่น  ความสัมพันธ์ระหว่างความขัดแย้งกับพ่อ
                         แม่   และการปรับตัวของวัยรุ่น เป็นต้น
                   3.4 การวิจัยเชิงการศึกษาพัฒนาการ    การวิจัยประเภทนี้มักใช้คำว่า   การศึกษา
                         พัฒนาการ   หรือพัฒนาการนำหน้าชื่อเรื่องวิจัย   เช่น   การศึกษาพัฒนาการด้านการ
                         เขียนของเด็ก ก่อนวัยเรียนในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม
                   3.5 การวิจัยเชิงทดลอง   การตั้งชื่อเรื่องวิจัยประเภทนี้   อาจตั้งชื่อได้แตกต่างกันออกไป
                         ตามลักษณะของการทดลอง   เช่น  อาจใช้คำว่า   การทดลอง   การวิเคราะห์  
                         กาiสังเคราะห์  การศึกษา การเปรียบเทียบ  ฯลฯ  นำหน้าหรือาจจะไม่ใช้คำเหล่านี้
                         นำหน้าก็ได้   เช่น   การทดลองเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในจังหวัดอ่างทอง
                        การวิเคราะห์หาปริมาณของกรดอะมิโนที่จำเป็นในปลายรากข้าวโพดหลังจากแช่ใน
                        สารละลายน้ำตาลชนิดต่างๆ   การสังเคราะห์กรดไขมันจากอะเซติลโคเอ
                        การศึกษาองค์ประกอบต่างๆ ในยางมะละกอ   การเปรียบเทียบการสอนอ่าน  
                        โดยวิธีใช้ไม่ใช้การฟังประกอบ    การสกัดสารอินดิเคเตอร์จากดอกอัญชัน ฯลฯ
          4. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยในลักษณะของคำนาม   ซึ่งจะทำให้เกิดความไพเราะ   สละสลวยกว่า
การใช้คำกริยานำหน้าชื่อเรื่อง   เช่น  แทนที่จะใช้คำว่า  ศึกษา  เปรียบเทียบ  สำรวจ  ก็ควรใช้คำที่มีลักษณะเป็นคำนามนำหน้า   เช่น   การศึกษา   การเปรียบเทียบ   การสำรวจ   ฯลฯ
          5. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยที่ประกอบด้วยข้อความเรียงที่สละสลวยได้ใจความสมบูรณ์  คือ  เป็นชื่อเรื่องที่ระบุให้ทราบตั้งแต่จุดมุ่งหมายของการวิจัย   ตัวแปร   และกลุ่มตัวอย่างที่จะศึกษา   วิจัยด้วย  
เช่น   การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนการสอบคัดเลือกกับเกรดเฉลี่ยสะสมและเจตคติต่อวิชาชีพครูของนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ   ชั้นปีที่ 1   ปีการศึกษา 2544
           อนึ่ง นักวิจัยบางท่านก็นิยมเขียนชื่อเรื่องวิจัยสั้นๆ โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดลงไป เช่น บุคลิกภาพของนักศึกษาครูเป็นต้น

สรุป
         สำหรับวิธีในการใช้กำหนดตั้งชื่องานวิจัยแบบง่ายๆ ที่ใช้เป็นแนวทางในการที่นำเสนอ
ชื่อเรื่องงานวิจัย ดังนี้
        1. พยายามกำหนดชื่องานวิจัยให้ง่าย สั้น กระชับและชัดเจน
        2. ควรกำหนดขอบเขตของประชากรให้อยู่ในชื่อเรื่อง
        3. ชือเรื่องต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงานวิจัย
        4. พยายามให้ชื่องานวิจัย   ควรมีคำศัพท์(Wording)   ที่เป็นคำทางวิชาการที่สามารถ
สืบค้นได้ง่าย    หากมี Key Search (TAGS)   จะทำให้งานวิจัยง่ายต่อการสืบค้นของคนอื่นๆ
        สำหรับใช้เทคนิคง่ายๆ ที่ผมมักจะแนะนำให้นักศึกษาใช้   คือ   ให้นักศึกษาลองตั้งคำถาม
ประเภท  ใคร(Who)   อะไร(What)   ที่ไหน(Where)   เมื่อไหร่(When)   และอย่างไร (How)  
ให้มาลองเรียงร้อยต่อสานต่อกัน  และพยายามอ่านดูและลองให้คนหลายๆ คนอ่านว่าเข้าใจอย่างไร

เอกสารอ้างอิง
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921    เข้าถึงเมื่อ 16 ธันวาคม 2555
http://www.blog.prachyanun.com/view.php?article_id=965    เข้าถึงเมื่อ 16 ธันวาคม 2555
http://www.watpon.com/Elearning/res19.htm    เข้าถึงเมื่อ 16ธันวาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น