http://www.sobkroo.com/detail_room_main3.php?nid=3019 นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ จอห์น ล็อค วิลเฮล์ม วุนด์ ทิชเชเนอร์ และแฮร์บาร์ต ซึ่งมีความเชื่อ ดังนี้
1. มนุษย์เกิดมาไม่มีทั้งความดีและความเลวในตัวเอง การเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม
2. จอห์น ล็อค เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
3. วุนด์ เชื่อว่าจิตมีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือการสัมผัสทั้ง 5 การรู้สึก
4. ทิชเชเนอร์เชื่อว่าจิตมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ การสัมผัสทั้ง 5 การรู้สึก และจินตนาการ
5.
แฮร์บาร์ต เชื่อว่าการเรียนรู้มี 3
ระดับคือขั้นการเรียนรู้โดยประสาทสัมผัส ขั้นจำ ความคิดเดิม
และขั้นเกิดความคิดรวบยอดและเข้าใจ
6.
แฮร์บาร์ตเชื่อว่าการสอนควรเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียนเสียก่อน
แล้วจึงเสนอความรู้ใหม่
http://www.neric-club.com/data.php?menu_id=97&member=free นัก
คิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า
การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม(neutral - passive)
การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
(sensation) และความรู้สึก(feeling) คือ
การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัสการ
จัดการเรียนการสอนตามทฤษฏี
นี้จึงเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่าน ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้
เรียนเกิดความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
ทิศนา แขมมณี (2550 : 45 – 48) ได้กล่าวว่า
นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ จอห์น ล็อค (John Locke) วิลเฮล์ม วุนด์
(Wilhelm Wundt) ทิชเชเนอร์ (Titchener) และแฮร์บาร์ต (Herbart)
ซึ่งมีความเชื่อดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1. มนุษย์เกิดมาไม่มีทั้งความดีและความเลวในตัวเอง การเรียนรู้เกิดขึ้นได้จากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม (neutral - passive)
2.
จอห์น ล็อค เชื่อว่าคนเราเกิดมาพร้อมกับจิตหรือสมองที่ว่างเปล่า (tabula
rasa)
การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
การส่งเสริมให้บุคคลมีประสบการณ์มาก ๆ ในหลาย ๆ
ทางจึงเป็นการช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้
3. วุนด์
เชื่อว่าจิตมีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือการสัมผัสทั้ง 5 (sensation)
แลการรู้สึก (feeling) คือการตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส
4.
ทิชเชเนอร์มีความเห็นเช่นเดียวกับวุนด์ แต่ได้เพิ่มส่วนประกอบของจิตอีก 1
ส่วน ได้แก่ จินตนาการ (imagination) คือการคิดวิเคราะห์
5.
แฮร์บาร์ต เชื่อว่าการเรียนรู้มี 3 ระดับคือขั้นการเรียนรู้โดยประสาทสัมผัส
(sens activity) ขั้นจำความคิดเดิม (memory characterized)
และขั้นเกิดความคิดรวบยอดและเข้าใจ (conceptual thinking or understanding)
การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
และสั่งสมประสบการณ์หรือความรู้เหล่านี้ไว้
การเรียนรู้นี้จะขยายขอบเขตออกไปเรื่อย ๆ
เมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์หรือความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น
โดยผ่านกระบวนการเชื่อมโยงและการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้เดิมเข้าด้วยกัน ( apperception)
6.
แฮร์บาร์ตเชื่อว่าการสอนควรเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียนเสียก่อน
แล้วจึงเสนอความรู้ใหม่
ต่อไปควรจะช่วยให้ผู้เรียนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้
ใหม่
จนได้ข้อสรุปที่ต้องการแล้วจึงให้ผู้เรียนนำข้อสรุปที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับ
ปัญหาหรือสถานการณ์ใหม่ ๆ
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1. การจัดให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
2. การช่วยให้ผู้เรียนสร้างสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้อย่างดี
3. การสอนโดยดำเนินการตาม 5 ขั้นตอนของแฮร์บาร์ต จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีและรวดเร็ว ขั้นตอนดังกล่าวคือ
1) ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ (preparation) ได้แก่การเร้าความสนใจของผู้เรียนและการทบทวนความรู้เดิม
2) ขั้นเสนอ (presentation) ได้แก่ การเสนอความรู้ใหม่
3)
ขั้นการสัมพันธ์ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ (comparison and abstraction)
ได้แก่การขยายความรู้ เดิมให้กว้างออกไป
โดยสัมพันธ์ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น
การเปรียบเทียบ การผสมผสาน ฯลฯ
ทำให้ได้ข้อเท็จจริงใหม่ที่สัมพันธ์กับประสบการณ์เดิม
4) ขั้นสรุป
(generalization) ได้แก่การสรุปการเรียนรู้เป็นหลักการหรือกฎต่าง ๆ
ที่จะสามารถจะนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาหรือสถานการณ์อื่น ๆ ต่อไป
5)
ขั้นประยุกต์ใช้ (application)
ได้แก่การให้ผู้เรียนนำข้อสรุปหรือการเรียนรู้ที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาใน
สถานการณ์ใหม่ ๆที่ไม่เหมือนเดิม
สรุป
ทฤษฎีของกลุ่ม
ที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด คือ
การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม(neutral - passive)
การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
(sensation) และความรู้สึก(feeling) คือ
การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส
และการสอนควรเริ่มจากการทบทวน
ความรู้เดิมของผู้เรียนเสียก่อนแล้วจึงเสนอความรู้ใหม่
ต่อไปควรจะช่วยให้ผู้เรียนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้
ใหม่
เอกสารอ้างอิง
แหล่งเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพความเป็นครู.
จิตวิทยาการศึกษา. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2555. จาก :
http://www.sobkroo.com/detail_room_main3.php?nid=3019.
ศูนย์
เครือข่ายพัฒนาการสอนภาษาอังกฤษ. ทฤษฎีการเรียนรู้. สืบค้นเมื่อวันที่ 28
มิถุนายน 2555. จาก :
http://www.neric-club.com/data.php?menu_id=97&member=free.
ทิศนา แขมมณี.2550. การสอนจิตวิทยาการเรียนรู้ เรื่องศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัด
กระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น